เหตุผลที่ห้ามทั้ง 5 ข้อ
ข้อห้ามสำหรับผู้ทานผลิตภัณฑ์ F-2 เอฟทู ระยะบำบัด (ระยะเริ่มแรก)
**น้ำมะพร้าว เนื่องจากน้ำมะพร้าวเป็นอาหารโปรดของเชื้อโรคและแบคทีเรีย เมื่อคนที่มีอาการผิดปกติของมดลูก โดยธรรมชาติร่างกายคนเราจะึดึงน้ำมาขับของเสีย เมื่อเราทานน้ำมะพร้าวเข้าไป ร่างกายก็จะดึงน้ำมะพร้าวไปที่มดลูก ซึ่งจะยิ่งทำให้ เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีมากยิ่งขึ้นไปอีก และเมื่ออาการดีขึ้นก็สามารถทานมะพร้าวได้ แต่ทานแต่พอดีอย่าทานมากคะ
**เมล็ดพืชต่างๆ เช่น เมล็ดฟักทอง แตงโม ดอกทานตะวัน เป็นต้น เพราะในเมล็ดพืชมีน้ำมันจำนวนมาก เมื่อร่างกายได้รับเข้าไปจะทำให้ร่างกายขับน้ำมันเหล่านั้นออกมาและทำให้ กล้ามเนื้อคลายตัว
**ของหมักดอง หากทานนานๆครั้งไม่เป็นไร แต่อย่าทานทุกวัน เพราะจะทำให้ร่างกายขับออกมาไม่ทัน ทำให้เกิดมดลูกหย่อนได้
**น้ำอัดลม น้ำเย็น หากมดลูกอักเสบ ห้ามทานจนกว่าจะดีขึ้น
**หยุดอาหารเค็ม จะทำให้ผิวแห้งและทำให้น้ำมัน ขับออกทางผิวหนังไม่ได้
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร F-2 สวยจากภายในสู่ภายนอก
ขนาดรับประทาน วันละ 2 เม็ด ก่อนนอนทุกวัน
สามารถทานติดต่อกันเป็นเวลานานไ ด้ สามารถหยุดทานได้ ไม่มีผลข้างเคียง
เหมาะกับสตรีทุกวัย ตั้งแต่เริ่มมีรอบเดือนครั้งแรก หรือสาวรุ่น สตรีที่ปวดประจำเดือน
ปวดหน่วงท้องน้อย ปวดมดลูก มีตกขาว มีกลิ่นไม่สะอาด คันในช่องคลอด
หนาวสั่นในอก ซีสในมดลูก พังผืด ตกขาว ปวดประจำเดือน
ไม่มีอารมณ์ทางเพศ ไม่มีน้ำหล่อลื่น
สิว-ฝ้า หน้าอกหย่อนยาน มดลูกหย่อน ฉี่กระปริกระปรอย ผู้หญิงตัดมดลูก-รังไข่
ผิวหน้า-ผิวหนังเหี่ยวย่น
มีกลิ่นในช่องคลอด ช่องคลอดหย่อนยาน-มีลมเข้า-ออก ไม่ได้อยู่ไฟหลังคลอดบุตร
ผู้หญิงมีบุตรยาก มดลูกบาง มดลูกโต ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
หุ่นฟิตกระชับมดลูก เหมือนสาวๆ
F2-beauty |
 |
|
|
|
|
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำร้ายมดลูก
คุณผู้หญิง  |
• นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 260
|
• จากเว็บไซต์ www.cheewajit.com
|
............................................................. |
|
|
“สิ่งแรกๆ ที่ทำให้เราทราบว่าเกิดความผิดปกติกับมดลูกและระบบสืบพันธุ์ของสตรี คือ การเกิดเลือดออกผิดปกติ และประจำเดือนที่คลาดเคลื่อน หรือขาดหายไป ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากระบวนการทำงานของฮอร์โมนที่ผิดปกติ
และมีต้นเหตุจากหลายประการ...”
ไขข้อคาใจ ‘เรื่องเล่า’ เกี่ยวกับมดลูก
- ทำไมคนวัย 40 ปีขึ้นไปจึง ‘ตัดมดลูก’ กันเยอะขึ้น
“เหตุผลที่คนวัย 40-45 ปีขึ้นไปผ่าตัดมดลูกกันเยอะ เป็นเพราะโรคที่เกี่ยวกับมดลูกนี้มักจะแสดงอาการ
เมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปแล้วเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ในวัยรุ่น หรือวัยสาวมักจะไม่ค่อยเป็นกัน ส่วนเหตุผลที่ผู้ป่วยแต่ละคนจะ
‘ตัด’ หรือ ‘ไม่ตัด’ มดลูกนั้น ขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้ครับ”
“เราพิจารณาโรคที่เกี่ยวกับมดลูกออกเป็น ‘โรคที่ไม่ร้ายแรง’ ก็ได้แก่ เนื้องอกมดลูก และมดลูกหรืออุ้งเชิงกรานอักเสบ
โรคพวกนี้ถือว่าไม่ร้ายแรง ส่วนใหญ่ทำการรักษาแต่ไม่ผ่าตัด ยกเว้นในกรณีที่บางโรคก่อความรำคาญหรือก่อปัญหาต่อ
สุขภาพมากๆ เช่น ในกรณีของมดลูกหรืออุ้งเชิงกรานอักเสบ หากทำให้ปวดท้องเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง เพราะมีพังผืดเยอะ
รักษาด้วยยาแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น หรือในกรณีของเนื้องอกในมดลูก หากมีขนาดใหญ่มาก หรือทำให้มีประจำเดือนมากๆ
หรือไปกดเบียดทำให้ปัสสาวะไม่สะดวก กรณีเหล่านี้อาจจะมีการพิจารณาให้ผ่าตัดมดลูกได้เช่นกัน”
“ต่อมาคือ ‘โรคที่ร้ายแรง’ ได้แก่ โรคมะเร็งปากมดลูก โรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก โรคมะเร็งรังไข่ อันนี้ก็ต้องมีกระบวน
การรักษาตามแบบของโรคมะเร็งต่อไป ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีการผ่าตัดออกครับ”
- นั่งยองๆ เป็นอันตรายต่อมดลูกจริงหรือ
“ก็เคยได้ยินเหมือนกันครับว่า หลายคนไม่กล้านั่งยองเพราะกลัวมดลูกหย่อน แต่จริงๆ แล้วสาเหตุที่ทำให้มดลูกคนสตรี
เกิดอาการ ‘หย่อน’ ได้นอกจากการคลอดบุตรแล้วก็ยังมีอีกหลายสาเหตุ เช่น คนที่ท้องผูกเรื้อรัง ไอเรื้อรัง หรือคนที่ยก
ของหนักเป็นประจำ (ไม่ว่าจะอยู่ในขณะนั่งยองหรือไม่) ก็จะทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มสูงขึ้นจนไปดันให้มดลูก
เคลื่อนตัวลงมาได้ แต่การนั่งยองๆ เพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการยกของหนักร่วมด้วยไม่มีผลทำให้มดลูกหย่อนได้ครับ
” ...แต่คุณหมอบอกว่า ถ้าใครประสบปัญหานี้อยู่ไม่ต้องกังวล เคล็ดลับ ‘การบริหารช่องคลอด’
ที่แนะนำไปข้างต้นช่วยได้ค่ะ
- ผ่าตัดคลอด หรือ คลอดธรรมชาติ
- ความเชื่อแรก แผลจากการคลอดธรรมชาติหายเร็วกว่าแผลจากการผ่าตัดคลอด’ “จริงๆ แล้ว ‘ลักษณะแผล’ ของทั้ง
สองวิธีนี้ต่างกันครับ คือแผลของการผ่าตัดคลอดเป็นแผลที่หน้าท้องกับผนังมดลูก และมักมีขนาดยาวกว่าแผลจากการ
คลอดธรรมชาติซึ่งเป็นแผลจากการผ่าที่ช่องคลอดตำแหน่งเดียว จึงทำให้อาจหายช้ากว่าเท่านั้น แม้ว่าในอดีตแพทย์
จะลงแผลผ่าตัดคลอดในแนวตรงทำให้แผลหายช้ากว่าบ้าง และต้องระวังมดลูกปริแตกได้ในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป
แต่ในปัจจุบันนี้แพทย์ส่วนใหญ่ลงแผลในแนวขวาง และลงในส่วนล่างของมดลูก แถมเทคนิคการผ่าตัดทุกวันนี้ก็ช่วย
ลดการเกิดพังผืดได้ ปัญหาเดิมๆ จึงไม่ค่อยมีแล้วครับ”
-ความเชื่อต่อมา‘คลอดธรรมชาติมดลูกเข้าอู่เร็วกว่าผ่าตัดคลอด’ “จริงๆแล้วทั้งสองวิธีนี้ให้ผลไม่ต่างกันครับ
เพราะโดยหลักการการกลับคืนสู่ขนาดปกติของมดลูกก็ทำได้ในเวลาเท่ากันเพียงแต่เมื่อผนังมดลูกเคยยืดตัวออกไป
แล้วตอนคลอดทำให้ไม่ว่าจะคลอดด้วยวิธีใดคุณแม่ก็จำเป็นต้องออกกำลังกายและการบริหารอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้
ทุกอย่างกลับมาเข้าที่อยู่ดี”
|
|
ติดต่อมาคุยกับเรานะ เราพร้อมเสมอ พร้อมทุกสถานะการณ์
ที่...คุณอ้อย089-848-9604 ,087-874-7997คุณอัง
ปัญหาผู้หญิง?
ผู้หญิงเราคงมีปัญหาสุขภาพอยู่ไม่กี่ปัญหาหรอก และปัญหาที่มักจะติดอันดับยอดนิยมคงหนีไม่พ้นเรื่องของประจำเดือนเป็นแน่ วันนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับประจำเดือนมาฝาก เพื่อจะได้คลายความสงสัยกัน
ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
ปัญหาประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอมักจะทำให้เกิดความวิตกกังวล ซึ่งสาเหตุหลักๆ จะเกิดจากความเครียด ทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ แม้อาจจะไม่เป็นอันตรายนัก แต่ถ้าประจำเดือนขาดไปนานโดยที่มั่นใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ ควรที่จะไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของโรค
เลือดออกกระปริดกระปรอย
อาการนี้มักเกิดกับคนที่ใช้ยาคุมกำเนิด แต่อาการดังกล่าวมักจะหายไปภายในระยะเวลาสองเดือน ถ้าหากยังมีอาการนานเกินสี่เดือนควรไปพบแพทย์ เพราะอาการในลักษณะนี้อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งปากมดลูก หรืออาจเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์ก็เป็นได้
ประจำเดือนมามากกว่าเดือนละครั้ง
ผู้หญิงบางคนอาจมีประจำเดือนมากกว่าเดือนละครั้งมีสาเหตุมาจากความเครียด อารมณ์หงุดหงิด การงานที่วุ่นวาย ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเกิดความผิดปกติ แต่บางรายอาจมีปัญหาเยื่อบุมดลูกอยู่ผิดที่ ทำให้มีอาการปวดกระดูกเชิงกรานและหลังร่วมด้วย หากมีอาการเช่นนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด
ประจำเดือนมามากและหลายวัน
ผู้หญิงเราส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนนานที่สุดประมาณ 7 วัน และจะมีปริมาณมากในช่วง 2 วันแรก แต่ถ้าประจำเดือนมามากกว่า 8 วัน และมีปริมาณมากเกิน 2 วันแรกไปแล้ว อาจเกิดจากเนื้องอกในบริเวณปากมดลูก
ประจำเดือนมาน้อยมาก
การที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ แต่มีปริมาณน้อย อาจเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน และมักจะพบอาการนี้ในคนไข้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดหรือผู้หญิงที่มีอายุน้อย
การออกกำลังกายในขณะมีประจำเดือน
การออกกำลังกายนั้นร่างกายจะหลั่งสารเอนเดอร์ฟิน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและช่วยแก้ปวดได้ ซึ่งคงจะไม่มีเหตุผลอะไรที่ไม่ควรออกกำลังกายในขณะที่มีประจำเดือน
การมีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดือน
การจะมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีประจำเดือนนั้นไม่ได้มีข้อห้ามใดๆ แต่อาจจะต้องระวังในเรื่องความสะอาด เพราะในช่วงที่มีประจำเดือนนั้นเป็นช่วงที่ปากมดลูกเปิด ซึ่งอาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
อาการคันที่อวัยวะเพศ
อาการคันที่อวัยวะเพศน่าจะเป็นอาการที่ผู้หญิงทุกคนได้ประสบมาแล้ว สาเหตุก็มีแตกต่างกัน อาจจะเป็นแค่ระคายเคือง เนื่องจากมี การอับชื้น เหงื่อออก ใส่เสื้อผ้ารัดรูป ใส่กางเกงรัดเป้าเกินไป หรือใส่เสื้อผ้าเนื้อหนาเกินไปในช่วงหน้าร้อน ส่วนอาการคันที่เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ก็อาจจะมาจากการติดเชื้อ การติดเชื้อรา ในบริเวณช่องคลอดจะก่อให้เกิดอาการคันมาก คันรุนแรงได้ การติดเชื้อราในช่องคลอดนั้น มีสาเหตุหลายอย่าง สาเหตุที่พบบ่อยมากคือ การมีเพศสัมพันธ์และการติดเชื้อจาก คู่ร่วมเพศมา หรือสาวๆ บางคน ก็อาจจะเป็นเชื้อราได้จากการรับประทานยาแก้อักเสบ นานจนเกินไป เช่น ต่อมทอนซิลอักเสบ ไม่สบายและรับประทานยาแก้อักเสบนานๆ เข้า เชื้อแบคทีเรียให้คุณ ในช่องคลอดจะถูกฆ่าตายไปด้วย ทำให้สภาพช่องคลอด ติดเชื้อราได้ง่าย หรืออาจจะเกิดจากเบาหวาน ผู้หญิงที่มีอายุมากเกินกว่า 35 ปีขึ้นไป แล้วมีอาการคันบริเวณช่องคลอดบ่อยๆ ต้องไปเช็คเบาหวาน เพราะเบาหวานเป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อราบริเวณช่องคลอดได้ง่าย ดังนั้น อาการคันในช่องคลอดอาจ เกิดจากสาเหตุที่ไม่รุนแรง อาจเป็นจากการระคายเคือง หรืออาจเป็นเพราะโรคภัยไข้เจ็บของร่างกายได้ อีกอย่างในยุคนี้มีการ ใช้เครื่องหอม หรือสเปรย์ฉีดบริเวณขนอวัยวะเพศ หรือการใช้เครื่องหอม หรือยาล้างบริเวณนั้นก็อาจเป็นสาเหตุ หนึ่งที่ทำ ให้เกิดอาการขึ้นได้ ควรหลีกเลี่ยง
การดูแลจุดซ่อนเร้น
พอเด็กเริ่มเข้าสู่วัยสาวฮอร์โมนเพศที่เพิ่มขึ้นจะทำให้มีตกขาวถ้าดูแลความสะอาดตรงนั้นไม่ดีก็อาจเกิดการส่งกลิ่นขึ้นมา ได้ แล้วเมื่อเข้าสู่ วัยเพศสัมพันธ์แล้ว การดูแลนั้นก็ยิ่งยากลำบากขึ้นเพราะหลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้ว อาจมีกลิ่นที่ผิดปกติ เกิดขึ้นได้ การใช้น้ำยาล้างเฉพาะที่ ที่มีราคาค่อนข้างแพงมากอาจมีผลทำให้เกิดการ ระคายเคือง เนื่องจากการแพ้สารเคมีหรือ เครื่องหอมที่ใส่ลงไปในน้ำยานั้น ทำให้เกิดปัญหาที่ต้องไปพบหมอทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็นเลยเพราะธรรมชาติมีสิ่งปกป้อง อยู่แล้วซ้ำร้ายสมัยนี้ ยังมีค่านิยมในการโกนขน เช่น ขนบริเวณอวัยวะเพศออกซึ่งผิดอย่างมาก เพราะขนจะช่วยป้องกันสิ่ง แปลกปลอมต่าง ๆ ทั้งยังเปรียบเสมือนหมอนลองที่จะลดสิ่งระคายเคืองต่าง ๆ ที่จะเข้าไปในช่องคลอดในช่องคลอดเอง ก็จะมีแบคทีเรียชนิดให้คุณซึ่งจะสร้างสภาวะกรดทำให้ตกขาวที่ออกมามีสภาวะเป็นกรดอ่อน สามารถต่อต้านเชื้อโรคได้ ถ้าเราสวนน้ำเข้าไปภายในช่องคลอด แบคทีเรียจะถูกชะล้างออกไป ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ข้อแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการ สวนล้างช่องคลอด ให้ดูแลบริเวณนั้นอย่างสม่ำเสมอ เช่น หลังถ่ายปัสสาวะล้างน้ำถ้าไม่ล้างควรใช้กระดาษนุ่มๆ ซับจากด้านหน้าไปด้านหลัง การใช้กางเกงชั้นในไม่ควรใช้กางเกงชั้นในที่คับบริเวณเป้ามากเกินไป หน้าร้อนไม่ควรใส่ กางเกงยีนต์ผ้าหนาหรือกระโปรงติ้วเกินไปจะทำให้บริเวณนั้นอับชื้น และเกิดอาการคันบริเวณนั้นได้ ถ้ามีการดูแลทำ ความสะอาดสม่ำเสมอ สวมเสื้อผ้าสะอาดทำความสะอาดถูกวิธี ถูกทาง รักษาบริเวณตรงนั้นให้แห้งและสะอาดอยู่เสมอ ก็จะไม่มีปัญหา
มดลูกอักเสบ(Endometritis)หมายถึง การอักเสบของเยื่อบุภายในโพรงมดลูกโรคนี้เป็นโรคที่พบได้บ่อยในหญิงวัยเจริญพันธุ์ (15-45 ปี) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผ่านช่องคลอดเข้าไปทางปากมดลูก ขึ้นไปในโพรงมดลูก (ทำให้มดลูกอักเสบ) และถ้าหากลุกลามต่อไปในท่อรังไข่ ก็ทำให้กลายเป็นปีกมดลูกอักเสบ มักจะเรียกรวมๆ กันว่า 'อุ้งเชิงกรานอักเสบ' (Pelvic inflammatory disease/PID) ซึ่งครอบคลุมถึงการอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก ท่อรังไข่ รังไข่ และเยื่อบุช่องท้องภายในอุ้งเชิงกราน โรคนี้พบบ่อยในผู้หญิงที่มีสามีชอบเที่ยว หรือมีเพศสัมพันธ์เสรี ภายหลังคลอดบุตร แท้งบุตร ขูดมดลูก ใส่ห่วงคุมกำเนิด หรือชอบสวนล้างช่องคลอด
สาเหตุ
1. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่พบบ่อยก็คือ หนองใน (208) ที่ติดจากสามี หรือผู้ชายที่มีประวัติชอบเที่ยว หรือมีเพศสัมพันธ์เสรี (สำส่อนทางเพศ) บางครั้งก็อาจเกิดจากเชื้อคลามีเดียทราโคมาติส(Chlamydia trachomatis)
2. การติดเชื้อหลังคลอด (Puerperal infection) อาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีอยู่เป็นปกติวิสัยในช่องคลอด (เช่น เชื้อสเตรปโตค็อกคัส, สแตฟฟีโลค็อกคัส) ระหว่างคลอดมีปัจจัย (เช่น ภาวะโลหิตจาง, ภาวะถุงน้ำแตกรั่วอยู่นาน, การคลอดยาก, การบาดเจ็บ, ภาวะตกเลือดหลังคลอด, เศษรกค้าง, ภาวะครรภ์เป็นพิษ เป็นต้น) กระตุ้นให้เชื้อเหล่านี้เจริญขึ้นจนเป็นโรค หรือไม่ก็อาจแปดเปื้อนเชื้อจากภายนอกช่องคลอด เข้าไปในช่องคลอดและมดลูก ทำให้เกิดมดลูกอักเสบได้ มักเกิดมีอาการหลังคลอด 24 ชั่วโมง
3. การทำแท้ง หากไม่สะอาดมักทำให้มีเชื้อโรคเข้าในมดลูก เกิดการอักเสบขึ้นได้ เรียกว่า “การแท้งติดเชื้อ” มักมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดท้องน้อย ตกขาวออกเป็นหนอง มีกลิ่นเหม็น อาจมีอาการปวดหลังคลื่นไส้ อาเจียน อาจมีประจำเดือนออกมาก และมีกลิ่นเหม็นในรายที่เกิดจากการติดเชื้อหนองใน อาจมีอาการขัดเบา ปัสสาวะปวดแสบขัดร่วมด้วย ถ้าเป็นการติดเชื้อหลังคลอด มักเกิดหลังคลอด 24 ชั่วโมง น้ำคาวปลาอาจออกน้อย หรืออาจออกมากและมีกลิ่นเหม็น ถ้าเกิดจากการทำแท้ง จะมีอาการแบบแท้งบุตรร่วมด้วย คือ ปวดบิดท้องเป็นพัก ๆ และมีเลือดออกจากช่องคลอดร่วมด้วย
สิ่งตรวจพบ
ไข้สูง กดเจ็บมากตรงบริเวณท้องน้อยทั้ง 2 ข้าง (บางรายอาจเจ็บข้างเดียว) อาจได้กลิ่นของตกขาว เลือดประจำเดือน หรือน้ำคาวปลา อาจพบอาการซีด หรือภาวะช็อก
อาการแทรกซ้อน
อาจทำให้เกิดเป็นฝีในรังไข่ หรือท่อรังไข่ ซึ่งจะทำให้เป็นแผลเป็นจนกลายเป็นหมันได้ และมีโอกาสเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก มากกว่าปกติ บางคนอาจมีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง และเจ็บปวดเวลาร่วมเพศนอกจากนี้ในบางรายเชื้อโรคอาจลุกลาม จนทำให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ถ้ารุนแรงอาจกลายเป็นโลหิตเป็นพิษ ถึงตายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเกิดจากการทำแท้ง
ปลอดภัย 100%
ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.
เลขที่ 11-1-03654-1-0001
ติดต่อสั่งซื้อได้ที่ คุณอ้อย089-8489604,087-8747997คุณอัง